ยางรถยนต์และกระทะล้อคำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับการใช้ยางของ ลพบุรีรวมยาง
>>ยางทั่วไป
● การใช้ยางที่ถูกต้อง
1. ควรเลือกประเภท โครงสร้างและขนาดของยางที่ใช้ ให้เหมาะสมกับชนิดของยานพาหนะ สภาพการใช้ งาน สภาพพื้นผิวถนน และเป็นไปตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เช่น ไม่ควรใช้ยางสำหรับรถยนต์นั่ง กับรถกระบะ รถตู้ เป็นต้น
2. น้ำหนักบรรทุกต่อยางแต่ละส้นในแต่ละตำแหน่งล้อ ต้องไม่เกินความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง (ค่าดัชนีการรับน้ำหนัก)
3. เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย ไม่ควรใช้ความเร็วเกินกว่าขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยาง
4. เพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนาน ควรสลับตำแหน่งยางอย่างสม่ำเสมอ
5. ในกรณีที่ใช้ยางใน หรือยางรอง ต้องใช้ยางใน หรือยางรองที่ระบุขนาดตรงกับยางนอกเท่านั้น และต้องเปลี่ยนยางในและ/หรือยางรอง ทุกครั้งที่เปลี่ยนยางนอก
6. ยางที่ใช้ในยางใน ( TUBE TYPE) ต้องใช้ยางในทุกครั้ง และห้ามใช้ยางในกับยางที่ไม่ใช้ยางใน ( TUBELESS )
7. ในกรณียางใหม่ ควรเตรียมความพร้อมของยาง โดยการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ช.ม. เป็นระยะทางอย่างน้อย 200 กม. หรือ วิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ช.ม. เป็นระยะทางอย่างน้อย 300 กม. ก่อนการใช้งานปกติ
8. ห้ามใช้ยางที่สึกหรอจนถึงจุดที่กำหนด ( TREADWEAR INDICATOR )
9. ศูนย์ล้อและช่วงล่างของรถยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยบริษัทรถยนต์และต้องหมั่นตรวจสอบในเวลาที่เหมาะสม
● การใช้ยางต่างประเภท
การใช้ยางต่างประเภท หรือต่างขนาดในเพลาเดียวกัน จะทำให้สูญเสียสมรรถนะการขับขี่ รวมถึงการทรงตัวและการเบรก เนื่องจากคุณสมบัติที่แตกต่างกันและการแปรสภาพของยางขณะขับขี่
● การเติมลมยาง
1. ปัญหายางส่วนใหญ่มักเกิดจากการเติมลมยางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลเสียต่อสมรรถนะการขับขี่และอายุการใช้งานของยาง ดังนั้น ควรเติมลมยางให้ตรงกับมาตรฐานที่กำหนด
2. เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้ได้ค่าความดันลมยางที่ถูกต้อง ควรทำการปรับความดันลมยางในขณะที่ยางอยู่ในอุณหภูมิปกติ
3. ในกรณีที่ขับทางไกลและวิ่งด้วยความเร็วสูง ควรเพิ่มความดันลมยางให้มากกว่ามาตรฐาน 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้วเพื่อป้องกันการเกิดความร้อนสูงอันเนื่องมาจากการบิดตัวของโครงยาง
4. โปรดใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษขณะเติมลมยาง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในขณะเติมลม
5. ควรหมั่นตรวจวัดความดันลมยาง, การรั่วซึมของความดันลมยางและการปิดฝาวาล์วให้แน่นอย่างสม่ำเสมอ
6. การเติมความดันลมยางสำหรับการขึ้นนั่งขอบกระทะล้อของขอบยางรถยนต์นั่งต้องไม่เกิน 3.0 กก./ตร.ซม.
7. คำแนะนำเกี่ยวกับการเติมความดันลมยางจากผู้ผลิตรถยนต์จะติดอยู่บริเวณประตูรถยนต์หรือในหนังสือคู่มือการใช้รถ
● การเก็บรักษายาง
เพื่อให้ยางที่ยังไม่ได้นำไปใช้งาน มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ ควรปฏิบัติดังนี้
- ป้องกันการสัมผัสกับสิ่งต่างๆที่อาจทำอันตรายต่อยาง เช่น ตะปู ของมีคม น้ำทัน สารเคมีต่างๆ
- ป้องกันวัตถุแปลกปลอมจากภายนอกหรือน้ำเข้าไปในท้องยาง
- หลีกเลี่ยงการเก็บยางในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง
- เก็บยางให้ห่างจากความร้อนหรือประกายไฟ
- แยกประเภทของยางให้ชัดเจน จัดวางในแนวตั้งและมีแสงสว่างเพียงพอ หากวางซ้อนกันให้ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด
● การเปลี่ยนยาง
1. ก่อนทำการเปลี่ยนยาง แนะนำให้เลือกยางที่เหมาะสม โดยดูจากขนาด อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่าความสามารถในการรับน้ำหนักและความเร็วสูงสุดของยางเดิมที่ประกอบมาจากดรงงานประกอบรถยนต์
2. ตรวจสอบความผิดปกติ ความเสียหายของยางและกระทะล้อ อีกทั้งตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมก่อนทำการประกอบยาง
3. หลังจากการประกอบยาง ควรตรวจสอบระยะห่างระหว่างเส้นขอบยางกับขอบกระทะล้อให้มีความสม่ำเสมอตลอดวงล้อ
4. ในกรณียางที่ใช้ยางใน ( TUBE TYPE ) เมื่อเปลี่ยนยางนอกใหม่ควรเปลี่ยนยางในและยางรองใหม่ทุกครั้ง
5. ในกรณียางที่ไม่ใช้ยางใน ( TUBELESS ) เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ควรเปลี่ยนวาล์ว ซีลวาล์ว และแกนวาล์วใหม่ทุกครั้ง
6. ควรตรวจสอบความเรียบร้อยของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดก่อนนำไปประกอบ
7. ผู้ทำการประกอบยางควรเป็นบุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะเท่านั้น
8. โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เพื่อให้เกิดความเคยชินสำหรับกรณีการเปลี่ยนประเภทหรือขนาดของยางที่ต่างไปจากเดิม
>> ในกรณียางหล่อดอก
- ยางหล่อดอกที่ใช้ยางใน หรือยางรอง ต้องใช้ยางใน หรือยางรอง ที่ระบุขนาดตรงกับยางนอก
- กรณียางล้อคู่ ควรใช้ยางหล่อดอกที่มีขนาดและประเภทเดียวกันและมีความลึกร่องดอกใกล้เคียงกัน ( ยางหล่อดอกที่มีขนาดเดียวกันหมายถึงยางที่หล่อดอกโดยใช้โครงยางเดิมและลายดอกเหมือนกัน )
- โครงยางรถบรรทุกและรถโดยสารที่ผ่านการใช้งานมาแล้วย่อมมีสภาพแตกต่างกับยางใหม่ทั้งนี้ความคงทนของโครงยางขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการดูแลรักษาลมยางเป็นสำคัญ
- การใช้ยางหล่อดอกจ่างประเภท หรือต่างขนาดในเพลาเดียวกันจะส่งผลเสียต่อสมรรถนะการขับขี่อย่างรุนแรง รวมถึงการทรงตัวและการเบรก เนื่องจากคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และการแปรสภาพของยางขณะขับขี่
- ห้ามนำยางหล่อดอกไปใช้ในตำแหน่งล้อหน้า
คำเตือน!
- ต้องใช้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อให้ตรงกับขนาดของยาง
- ไม่ควรใช้น้ำยาเคลือบเงาและ/หรือน้ำยาหล่อลื่นที่ใช้กับยางและ/หรือกระทะล้อทาบริเวณหน้ายางเพราะอาจก่อให้เกิดการลื่นผิดปกติ
- โปรดหลีกเลี่ยงการใช้งานในขณะที่ลมยางอ่อน
- ควรลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ขณะถนนเปียกมีสิ่งกีดขวาง หรือถนนขรุขระ
- ควรหมั่นตรวจสอบสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอ
- ในกรณียางที่เกิดความชำรุดเสียหาย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้งาน
- ในกรณีที่จอดรถไว้เป็นระยะเวลานาน โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายอาจเป็นสาเหตุทำให้โครงยางเกิดความเสียหาย ดังนั้น ก่อนการนำไปใช้งาน ควรตรวจสอบเป็นพิเศษ
- ควรหลีกเลี่ยงการออกรถ เร่งความเร็ว การเลี้ยวหรือการหยุดรถโดยกะทันหันซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ยางรถยนต์
- ควรตรวจสอบสภาพและความดันลมยางของยางอะไหล่อย่างสม่ำเสมอ
- ในกรณีที่ขณะขับขี่เกิดการสั่นของพวงมาลัย ได้ยินเสียง การสั่นหรือรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติอื่นๆให้หยุดรถในสถานที่ที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุดและทำการตรวจสอบรถยนต์และยางว่ามีการเสียรูปหรือสิ่งผิดปกติอื่นๆที่ยางหรือไม่ ทั้งนี้ให้ท่านนำรถยนต์ของท่านเข้ารับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งถึงสิ่งผิดปกติดังกล่าว
- การทำเครื่องหมายใดๆที่ยางควรทำในจุดที่กำหนดโดยบริษัทยางรถยนต์เท่านั้น
- โปรดหลีกเลี่ยงการใช้ยางที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
- โปรดศึกษาข้อมูลการใช้ยาง และคำเตือนเพิ่มเติมจากลากแผ่นพับ และคู่มือ
>> ในกรณียางรันแฟลต
- ยางรันแฟลตต้องใช้กับรถยนต์ที่ติดตั้งยางรันแฟลตและระบบตรวจวัดความดันลมยาง ( TPMS ) ซึ่งติดตั้งมาจากโรงงานประกอบรถยนต์เท่านั้น
- การเลือกใช้กระทะล้อสำหรับยางรันแฟลต ควรเลือกใช้กระทะล้อที่ออกแบบมาสำหรับ ยางรันแฟลต
- รถยนต์ที่ติดตั้งยางรันแฟลตควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น
- หากพบความชำรุดเสียหายของยาง โปรดศึกษาคู่มือประจำรถยนต์ ในกรณีที่คู่มือประกอบรถยนต์ระบุให้สามารถซ่อมแซมยางรันแฟลตที่ติดตั้งมาจากโรงงานประกอบรถยนต์ได้ ควรติดต่อศูนย์บริการมาตรฐานที่ผ่านการรับรองการให้บริการยางรันแฟลตเพื่อพิจารณารับการซ่อมแซม
- รถยนต์ที่ติดตั้งยางรันแฟลตมาจากโรงงานประกอบรถยนต์ห้ามใช้ยางที่ไม่ใช่ยางรันแฟลต
ข้อควรปฏิบัติเมื่อสูญเสียความดันลมยาง
- ภายหลังจากการสูญเสียความดันลมยางที่ระบบตรวจวัดความดันลมยางเตือน ห้ามใช้ความเร็วเกิน 80 กม./ช.ม. และระยะทางสูงสุดที่ 80 กม. หรือปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือของผู้ผลิตรถยนต์
- ระยะทางสูงสุดที่สามารถขับขี่ได้เมื่อสูญเสียความดันลมยางที่ระบบตรวจวัดความดันลมยางเตือนนั้น อาจลดลงได้ในบางกรณี เช่นการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศร้อน เป็นต้น
- เมื่อที่สูญเสียความดันลมยางที่ระบบตรวจวัดความดันลมยางเตือนให้ติดต่อศูนย์บริการมาตรฐานที่ผ่านการรับรองการให้บริการยางรันแฟลต
คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับการใช้กระทะล้อ/กระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย (Rim/Alloy Wheel General Directions)
*แยกเป็นกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอยสำหรับรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็กและรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ( Alloy Wheel ) กับ กระทะล้อ (Rim) สำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ โดยจะเรียกรวมกันว่า กระทะล้อ*
● การใช้กระทะล้อที่ถูกต้อง
1. ควรเลือกชนิดและขนาดของกระทะล้อ ให้เหมาะสมกับมาตรฐานและการใช้งานของยานพาหนะ
2. ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินความสามารถสูงสุดในการรับน้ำหนักของกระทะล้อตามที่กำหนด
3. เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะเกินกว่าขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยางตามที่กำหนด
4. เพื่อให้กระทะล้อมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน หมั่นตรวจสอบดูแลกระทะล้อเป็นประจำ รวมไปถึงการตรวจสอบค่าความดันลมยางที่เหมาะสมอยู่เสมอ
5. เลือกกระทะล้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบัน หรือสมาคมทดสอบยานยนต์ เช่น JWL,JWL-T และ VIA เป็นต้น
6. ควรเลือกประเภทและขนาดของกระทะล้อให้เหมาะสมกับขนาดของยาง
7. ควรเลือกค่าออฟเซทของกระทะล้อให้เหมาะสมกับยานพาหนะคันนั้นๆ
8. ใช้กระทะล้อที่มีชนิดและขนาดเดียวกันในทุกตำแหน่งเพลาล้อ การใช้กระทะล้อต่างประเภทกันในเพลาเดียวกัน หรือ ต่างเพลากันจะส่งผลเสียต่อสมรรถนะในการขับขี่ รวมไปถึงการทรงตัวและการเบรก เนื่องจากคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
● การดูแลบำรุงรักษา
กระทะล้อในปัจจุบันมีผู้ผลิตสินค้าสู่ตลาดมากมาย แม้การผลิตจะให้ประสิทธิภาพและคุณภาพดีเยี่ยมเพียงใดก็ตาม ถ้าผู้ใช้รถไม่ดูแลกระทะล้ออย่างถูกต้องแล้ว ก็ทำให้ได้รับประสิทธิภาพไม่เต็มที่และทำให้เกิดความเสียหายก่อนกำหนด ดังนั้น กระทะล้อรถยนต์จะให้ประโยชน์คุ้มค่าทุกด้านอย่างเต็มที่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้อย่างถูกต้องเช่นกัน
- ตรวจสอบลมยางและปรับความดันลมยางให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนดเป็นประจำในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ เพื่อสมรรถนะที่ดีในการขับขี่ และยืดอายุการใช้งานของกระทะล้อและยางให้มีอายุยาวนาน
- เพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่จุ๊ปวาล์ว ควรเปลี่ยนจุ๊ปวาล์วและแกนจุ๊ปวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ และควรมีฝาปิดวาล์วตลอดเวลา
- ในกรณีการล้างรถ ห้ามใช้สารเคมีที่มีผลกับสีที่ผิวของกระทะล้อ ( สำหรับกรณีกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ควรใช้อุปกรณ์ล้างรถและน้ำยาชนิดเดียวกันกับที่ล้างตัวรถ)
● การเก็บรักษากระทะล้อ
เพื่อให้กระทะล้อที่ยังไม่ได้นำไปใช้งาน มีสภาพดีอยู่เสมอ และประสิทธิภาพของล้อไม่ลดลง การเก็บรักษากระทะล้อควรปฏิบัติดังนี้
- ป้องกันสิ่งของหรือวัตถุต่างๆที่ทำอันตรายต่อกระทะล้อ
- ป้องกันน้ำเปียกชื้นบริเวณที่จัดเก็บกระทะล้อ
- หลีกเลี่ยงการเก็บกระทะล้อในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
- ป้องกันน้ำมันต่างๆที่จะสัมผัสกับกระทะล้อ
- เก็บกระทะล้อให้ห่างจากความร้อนหรือประกายไฟ
- ทำการแยกประเภทของกระทะล้อให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการขนย้าย
- สำหรับกรณีกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ควรวางกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอยซ้อนกันตามจำนวนที่กำหนด
- ● กล่องบรรจุแบบ 1 วง วางซ้อนกันไม่เกิน 6 กล่อง
- ● กล่องบรรจุแบบ 2 วง วางซ้อนกันไม่เกิน 3 กล่อง
* กระทะล้อสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ ( Rim ) ไม่ควรวางซ้อนกันโดยเด็ดขาด*
คำเตือนในการประกอบกระทะล้อเข้ากับยางและรถยนต์
- ตรวจสอบสภาพของกระทะล้อและชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกชิ้นเพื่อให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน
- ในกรณีกระทะล้อที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว ก่อนทำการประกอบเข้ากับยางควรตรวจสภาพความสมบูรณ์ของกระทะล้อ ทำความสะอาดล้อทั้งภายในและภายนอกล้อ
ข้อควรคำนึงในการทำความสะอาด :
- ● สำหรับกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้ง
- ● สำหรับกระทะล้อสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำความสะอาดด้วยน้ำมันก๊าด หรือน้ำสบู่ แล้วเช็ดให้แห้ง
3. ใช้สารหล่อลื่นบริเวณขอบยางและขอบกระทะล้อทุกครั้งเมื่อถอดประกอบกระทะล้อกับยาง
4. ควรตรวจสอบหน้าแปลนของกระทะล้อและหน้าแปลนของดุมล้อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ ก่อนการประกอบกระทะล้อ
5. ในการประกอบล้อเข้ากับดุมล้อควรใช้แรงในการขันน็อตที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อกระทะล้อและน็อตล้อ
6. ควรขันน็อตล้อเข้ากับดุมล้อแบบทแยงมุม เพื่อความสมดุลระหว่างหน้าแปลนกับดุมล้อ
7. ห้ามใช้แผ่นหนุนกระทะล้อ ( Spacers ) เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่จะเกิดกับกระทะล้อและรถ
8. ถ่วงล้อทุกครั้งที่มีการถอด หรือ ประกอบกระทะล้อกับยาง และทำการตั้งศูนย์ทุกครั้งเมื่อนำกระทะล้อที่ประกอบเข้ากับยางเรียบร้อยแล้ว มาประกอบเข้ากับตัวรถยนต์
9. ยางและกระทะล้อที่ถูกขนาดนั้น เมื่อประกอบเข้ากับตัวรถแล้วจะต้องไม่เกิดการสัมผัสกับชิ้นส่วนใดๆในตัวรถ
10. ภายหลังการประกอบกระทะล้อและยางเข้ากับตัวรถแล้วตรวจสอบอีกครั้งว่า ยื่นออกนอกบังโคลนหรือไม่
11. ตรวจสอบการรั่วซึมของลมยางหลังการประกอบทุกครั้ง
12. กระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอยจะต้องใช้กับยางรถยนต์ชนิดยางเรเดียลเส้นลวดเท่านั้น
●●●●●●●●●●●●